สัมผัสแรกกับ Honda RS250RW คันใหม่

คงต้องพูดว่าสวยงามมาก (ตามประสาช่าง) รายละเอียดทุกชิ้นส่วนประณีต ละเอียดอ่อน จุดเล็กๆ น้อยๆ เต็มไปด้วยความพิถีพิถันในการสออกแบบและสร้างขึ้นมารวมถึงวัสดุที่เลือกมาใช้ ไม่ใช่แค่เบาเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องแข็งแรงและมีเหตุมีผลในทุกการออกแบบและเลือกสรร (เสียดายที่ผมไม่สามารถจะบันทึกภาพโดยปราศจากชุดแฟริ่งได้ เป็นข้อห้ามของ HRC)

เสียงเครื่องยนต์ที่ดุดัน มีพละกำลังอย่างรู้สึกได้ รอบเครื่องยนต์ที่ลากขึ้นไปอย่างสุดเสียง เข็มวัดรอบที่ดีดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตวัดขึ้นไปเลยเรดไลน์ที่ 15,000rpm ได้อย่างสบายๆ ทีมงานไทยฮอนด้าถึงกับยืนยิ้มกันแก้มแทบฉีก เพราะช่างทุกคนก็ปรารถนาที่จะมาถึงณ.จุดๆ นี้ คือการได้ทำรถแข่งโรงงานแท้ๆ เจ้าฟีมเองก็เถอะ เดินดูรถวนไปวนมา รอว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาทดสอบเสียที

ภายหลังการทดสอบของบรรดาสื่อฯ จบลง การทดสอบในวันแรกจึงเริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายสองโมงจนถึงห้าโมงเย็นนั้น การซ้อมในวันนี้เปรียบเหมือนเป็นการปรับตัวให้เข้ากับรถใหม่ ซึ่งนักแข่งส่วนใหญ่ก็ยังไม่สามารถทำเวลากันได้เร็วนัก โดยเฉพาะสามคนใหม่ที่ขึ้นไปในรุ่นโมโต ทั้งโดวิ, ดิ แองเจิลลิสและโลเรนโซ่ ดูเหมือนเด็กที่เพิ่งหัดขี่ จุดเบรก จุดยก ยังไม่เข้าที่

ในรุ่น GP250 ก็เช่นกันสามคนที่มาใหม่ทั้งพาซินี่, ฟาอูเบลและพีเซคก็อยู่ในอาการเดียวกัน มีหลุดมีเลยไลน์ให้เห็นตลอด เจ้าฟีมก็ไม่สามารถที่จะกดคันเร่งทำเวลาได้เร็วมากนัก เพราะต้องปรับในเรื่องของช๊อคอัพที่มีค่าสปริง แรงดูด แรงต้านต่างกัน เนื่องจากกำลังเครื่องยนต์ที่มากขึ้นกว่าเดิม จำเป็นต้องเรียนรู้ใหม่หมด ทีมช่างเองก็ต้องศึกษาโปรแกรมที่ใช้ในการปรับจูน โดยงานนี้มี อาเบะซังเจ้าหน้าที่ของ HRC ตามประกบตลอดเวลาที่ทำงาน

ส่วนใหญ่การซ้อมในวันแรกจบลงที่เวลาราวๆ 4 โมงครึ่งเนื่องจากแสงแดดส่องแทงตา ทำให้มองเห็นไลน์การขับขี่ไม่ชัดในช่วงพระอาทิตย์จะตกดิน รวมทั้งอุณหภูมิพื้นผิวที่ต่ำลงใกล้ 10 องศา

"ขี่ง่ายกว่าเดิมเยอะเลย อัตราเร่งมาตามมือ ส่งงานให้เลี้ยวก็ง่าย มันดีอย่างนี้นี่เอง แต่คงต้องปรับสปริง เพราะรู้สึกแข็งกระด้างกว่าที่ขี่อยู่ เชื่อว่าในวันพรุ่งนี้น่าจะมี 1'36"

การซ้อมวันที่สอง

การทดสอบเริ่มขึ้นในเวลา 10 โมงเช้า หลังจากที่ทำความคุ้นเคยกันไปเมื่อวาน วันนี้รู้สึกว่าเจ้าฟีมจะเริ่มคุ้นเคยกับรถคันใหม่มากขึ้น ลีลาการขับขี่ในแต่ละโค้งรู้สึกพริ้วขึ้นและเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แค่การขับขี่ในแบบสบายๆ ก็ทำเวลาได้ง่ายๆ ที่ 1'38 ในช่วงเช้า

ในช่วงเวลา 12:15 น. ที่เป็นเวลาในการแข่งขัน ทีมงานได้จำลองการแข่งขันโดยให้เจ้าฟีมวิ่ง 25 รอบต่อเนื่องเหมือนวันแข่งขันจริงๆ ซึ่งผลที่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ สามารถทำเวลาเร็วที่สุดได้ที่ 1'36.975 ดีกว่าเมื่อวันแข่งที่ผ่านมาถึงครึ่งวินาที เมื่อทำการเฉลี่ยเวลาการขับขี่โดยเปรียบเทียบกับเอสปากาโร่, ซิมอนเซลลี่และโลคาเทลลี่ที่ขับขี่รถโรงงานก็ถือว่าอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน และนี่เป็นการขับขี่เพียงคนเดียว ไม่ได้ไล่บี้กับใคร

"กับความเร็วสูงสุดไม่ค่อยรู้สึกมาก แต่อัตราเร่งที่ออกจากโค้งนี่รู้สึกได้เลยว่าดีกว่ามาก ที่โค้งสุดท้ายออกมายกล้อได้สบายเลย ขี่แล้วรู้สึกสนุกกับมันมากครับ"

หลังจากพักกลางวันแล้วได้มีการทดสอบยางเพิ่มเติม โดยทางดันลอปได้จัดยางพิเศษสำหรับรอบคัดเลือกมาให้ แต่เจ้าฟีมไม่สามารถที่จะขยับเวลาให้ดีขึ้นเหมือนเช่นนักแข่งคนอื่นๆ ได้ ทำได้เพียงเวลาที่คงที่แถวๆ 1'37 อ่อนๆ

"ยังไม่คุ้นเคยกับรถเท่าไรนัก ช๊อคอัพหน้าและหลังก็ยังไม่เข้าที่ ต้องทำความรู้จักกับมันและปรับอีกพอสมควร เนื่องจากกำลังเครื่องยนต์ที่มากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างจึงต้องปรับให้แข็งขึ้นหมด เรทสปริงที่เคยใช้อยู่ กับคนนี้ใช้ไม่ได้เลยครับ"

"สำหรับยางที่ให้มา ฟีมอาจจะต้องทำความรู้จักมากกว่านี้ ฟีมเองอาจจะยังไม่กล้าที่จะกดคันเร่งขนาดนั้น เพราะกลัวว่ารถใหม่จะล้มเสียก่อน วันนี้จึงยังไม่เต็มที่มากนัก แต่โดยรวมพอใจมากกับทุกๆอย่างที่รถคันนี้มีมาให้ มันพิเศษอย่างที่ใจคิดเอาไว้เลยครับ"

การทดสอบครั้งนี้จบลงที่เวลา 17:00 น. โดยที่ไม่สามารถจะเค้นเวลาให้ดีขึ้นได้เนื่องจากวันนี้เจ้าฟีมล้าพอสมควรกับการขับขี่ถึง 91 รอบ รวมทั้งแสงแดดที่แยงตากับอุณหภูมิพื้นที่ทำให้ช่วงเย็น ยางออกอาการสไลด์มากขึ้นจนเจ้าฟีมกลัวว่าจะล้ม ผลที่ได้ก็คือเจ้าฟีมสามารถทำเวลาได้ตามเป้าหมาย ถึงแม้จะยังห่างจากมิก้า คาลิโอ้ที่วันนี้ทำลายสถิติสนามลงไปอีกที่ 1'34.8

การทดสอบครั้งต่อไปจะเริ่มกันในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าเนื่องจากจากนี้ไปเป็นช่วงฤดูหนาว ประเทศแถบยุโรปไม่สามารถทำการทดสอบอะไรได้แน่นอน และก็เป็นเงื่อนของผู้จัดฯ ที่รุ่น GP125 และ 250 จะต้องฝึกซ้อมในประเทศยุโรปเท่านั้น

เจ้าฟีมจะเดินทางกลับถึงเมืองไทยในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2550 เพื่อที่จะกลับไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยรัตนะบัณฑิต (RBAC) จากนี้ไปข่าวคราวความเคลื่อนไหวอาจจะมีน้อยลง จนกว่าจะเริ่มฤดูการแข่งขันใหม่ แต่ผมกับเจ้าฟีมก็จะยังอยู่ในเวบบอร์ด ฝากคำถาม ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันเข้ามาได้ อย่าได้หนีหายกันไปไหนนะครับ

ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์

นักแข่งดาวรุ่งไทยคนแรก ในสนามแข่ง รถจักรยานยนต์ ทางเรียบระดับโลก

WGP 250 cc ปี 2007 สังกัดทีมแข่ง Thai - Honda - PTT - S.A.G.

ชื่อ	นาย รัฐภาคย์ วิไลโรจน์
ชื่อเล่น	ฟิล์ม
เกิด	14 เมษายน 2531
อายุ	18 ปี
ส่วนสูง	176 ซม.
น้ำหนัก	56 กิโลกรัม
การศึกษา	ปัจจุบันจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจาก โรงเรียน ชลราษฎรอำรุง จ.ชลบุรี และได้รับทุนศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยตลอดระยะเวลา 4 ปีจากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต กรุงเทพ
ที่อยู่	3/2 ถนนวชิรปราการ ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี 20000
โทรศัพท์	6681 - 577 - 5566
สังกัดทีม	ทีมแข่งไทย-ฮอนด้า-พีทีที-แสค (SAG)
รถแข่ง	ฮอนด้า อาร์เอส 250 อาร์ ปี2007
หมายเลข	8
รายการที่ลงแข่งขันปี 2550	การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่น WGP 250 CC. อย่าง เต็มฤดูกาล ในนามตัวแทนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

แนะนำ ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ บนเส้นทางการเป็น นักแข่ง รถจักรยานยนต์

ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักแข่ง รถจักรยานยนต์ ทางเรียบดาวรุ่งคนล่าสุดของ ประเทศไทย ผู้สืบทอดสายเลือด "วิไลโรจน์" จากพ่อคือ คุณคริสมาส วิไลโรจน์ "ฟิล์ม" เป็นนักแข่งไทยคนแรกที่สร้างผลงานดีเด่นในการแข่งขัน รถจักรยานยนต์ ทางเรียบ ชิงแชมป์ ประเทศญี่ปุ่นประจำปี 2006 ด้วยคะแนนสะสมเป็นลำดับ 2 และในวันนี้ "ฟิล์ม" คือ นักแข่งไทย คนแรกที่กำลังจะก้าวเข้าสู่การแข่งขัน รถจักรยานยนต์ ทางเรียบ ชิงแชมป์โลก อย่างเต็มฤดูกาลใน ปี 2007 ในนามตัวแทน ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากการกีฬาแห่งประเทศไทย

ด้วยสายเลือดนักแข่งจากผู้เป็นพ่อ และด้วยสิ่งแวดล้อมที่คลุกคลีอยู่ในวงการแข่งรถจักรยานยนต์ตั้งแต่เกิด ฟิล์มเริ่มขับมอเตอร์ไซค์เด็กครั้งแรกตั้งแต่เมื่ออายุเพียง 5 ขวบภายใต้การดูแลของพ่อ และสามารถคว้าแชมป์การแข่งขันรถจักรยานยนต์โมโตครอส 50 ซีซี รุ่นอายุไม่เกิน 10 ปีมาครองได้ในปี 1998 เมื่ออายุเพียง 10 ขวบหลังจากนั้นฟิล์มก็เริ่มเข้ามาเป็นนักเรียนในหลักสูตรฮอนด้าเรซซิ่งสคูล และเริ่มเป็นนักแข่งสังกัดทีมฮอนด้าลงแข่งขันในรายการต่างๆ และสามารถคว้าแชมป์ประเทศไทยมาครองได้มากมาย ตั้งแต่รุ่นวันเมคเรซ รุ่นอันเดอร์โบน 110 ซีซี, 112 ซีซี, 125 ซีซี และรุ่นสปอร์ต 150 ซีซี

ด้วยแววอัจฉริยะในการแข่งรถตั้งแต่เด็ก ทำให้ฟิล์มได้รับโอกาสจากทางประเทศญี่ปุ่นให้ทดลองเข้าแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น (All Japan Road Racing Championship) 3 สนามในรุ่น GP125 ในปี ค.ศ. 2003 และ 2004 และฟิล์มก็ได้สร้างผลงานโดดเด่นด้วยการเข้าเส้นชัยได้ในลำดับที่ 6 ดีที่สุดที่คนไทยเคยทำไว้ ทำให้ฟิล์มได้รับโอกาสที่ดีอีกครั้ง ในการเข้าร่วมแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่นในรุ่น GP250 อย่างเต็มฤดูกาลในปี 2005 และ 2006 และในปี 2006 นี้เองที่ฟิล์มโชว์ฟอร์มนักแข่งไทยสายเลือด "วิไลโรจน์" อย่างเต็มความสามารถ ด้วยการติด 5 อันดับแรกของประเทศญี่ปุ่น และมีคะแนนสะสมเป็นลำดับที่ 2 ดีที่สุดในประวัติศาสตร์นักแข่งไทยในสนามออลเจแปน ฟิล์มจึงได้สิทธิจากสมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์ประเทศญี่ปุ่น (MFJ) ให้เป็นนักแข่งคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ไทย ในการเข้าร่วมแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก World Grand Prix 2006 รุ่น 250 ซีซี ที่สนามทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือน กันยายน 2006 ที่ผ่านมานี้ และฟิลม์ได้โชว์ฟอร์มที่โดดเด่นโดยสามารถเข้าเส้นชัยได้ในลำดับที่10 จากจำนวนนักแข่งทั้งหมด 32 คน ดีที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบระดับโลกของไทย

และจากผลงานอันโดดเด่นในครั้งนี้ ทำให้รัฐภาคย์ฉายแววให้วงการแข่งขันระดับโลกได้ทึ่งในความสามารถของเด็กไทยและเป็นที่หมายตาของทีมแข่งระดับโลกจากประเทศสเปน ทีม STOP แอนด์ GO ที่จะสนับสนุนร่วมกับบริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผลักดันให้รัฐภาคย์ได้เข้าสู่การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกอย่างเป็นทางการในปี 2007 นี้อย่างเต็มฤดูกาล

ฟิล์ม คือ อีกหนึ่งความสำเร็จของฮอนด้าในการมุ่งมั่นสร้างสรรค์เกมส์กีฬามอเตอร์สปอร์ต เพื่อคัดสรรนักแข่งที่มีความสามารถสู่สังเวียนการแข่งขันระดับโลก สร้างเกียรติประวัติแก่ประเทศไทย

ผลงานที่โดดเด่น
1998	๐ แชมป์ประจำปีรายการโมโตครอส 50 ซีซี รุ่นอายุไม่เกิน 10 ปี
1999	๐ แชมป์รุ่นฮอนด้า ไนซ์ วันเมคเรซ (มือใหม่) ๐ รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประเภททางเรียบ
2001	๐ แชมป์ประเทศไทย รุ่น 125 ซีซี 4 จังหวะอันเดอร์โบน ๐ แชมป์ประเทศไทย รุ่น 112 ซีซี 4 จังหวะอันเดอร์โบน ๐ แชมป์ รุ่น 125 ซีซี 4 จังหวะอันเดอร์โบน (Elf Midday Racing) ๐ แชมป์ รุ่น 112 ซีซี 4 จังหวะอันเดอร์โบน (Elf Midday Racing)
2002	๐ แชมป์ประเทศไทย รุ่น 125 ซีซี 4 จังหวะอันเดอร์โบน ๐ แชมป์ประเทศไทย รุ่น 112 ซีซี 4 จังหวะอันเดอร์โบน ๐ แชมป์ รุ่น 112 ซีซี 4 จังหวะอันเดอร์โบน (Elf Midday Racing) ๐ แชมป์ รุ่น 125 ซีซี 4 จังหวะอันเดอร์โบน (Elf Midday Racing)
2003	๐ แชมป์ รุ่นสปอร์ต 150 ซีซี 4 จังหวะ ๐ แชมป์ รุ่นสปอร์ต 150 ซีซี 4 จังหวะ (Elf Midday Racing) ๐ ทดลองเข้าร่วมแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น 3 สนาม รุ่น GP125
2004	๐ แชมป์ รุ่นสปอร์ต 150 ซีซี 4 จังหวะ ๐ แชมป์ รุ่น 125 ซีซี 4 จังหวะอันเดอร์โบน ๐ ทดลองเข้าร่วมแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น 3 สนาม รุ่น GP125
2005	๐ ร่วมแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่นเต็มฤดูกาลรุ่น GP250 และได้อันดับ 7
2006	๐ เจ้าของตำแหน่งรองแชมป์ การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น ๐ เจ้าของตำแหน่งอันดับ 10 จากการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก (World Grand Prix 2006 รุ่น 250 ซีซี) สนามที่ 15 ณ สนามทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น
2007	๐ เข้าร่วมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่น WGP 250 CC. อย่างเต็มฤดูกาล ในนามตัวแทนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ปัจจุบันจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจาก โรงเรียน ชลราษฎรอำรุง จ.ชลบุรี และได้รับทุนศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยตลอดระยะเวลา 4 ปีจากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต กรุงเทพ

 

ที่มาการก้าวสู่ฝันที่ยิ่งใหญ่ของนักแข่งไทยสู่สนามแข่งระดับโลก

ด้วยปณิธานอย่างแรงกล้าที่ว่า ฮอนด้าจะสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ให้หลากหลาย เพื่อสนองประโยชน์การใช้งานของลูกค้าอย่างเอนกประสงค์ ฮอนด้ายังคาดหวังให้ลูกค้าทุกรายสามารถใช้รถซึ่งเป็นสินค้าของเราด้วยความสนุกสนานและปลอดภัย ด้วยสาเหตุดังกล่าว ฮอนด้าจึงได้ทำกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ขับขี่ปลอดภัยและสนับสนุนกีฬามอเตอร์สปอร์ต ควบคู่กับการจำหน่ายสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง         ฮอนด้าเป็นผู้ผลิตรายเดียวที่มีกิจกรรมสนับสนุนกีฬามอเตอร์สปอร์ตอย่างครบวงจร โดยเริ่มจากการจัดฮอนด้าเซฟตี้คาราวานให้กลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไป ได้สนุกกับการขับขี่ทางไกลอย่างปลอดภัย การจัดแข่งแรลลี่ที่มีจุดประสงค์ให้นักกีฬาใช้รถของตนเองแข่งขันบนท้องถนนภายใต้กฎจราจร การอบรมเรซซิ่งสคูลสำหรับผู้สนใจลงแข่งขันในสนามแข่ง ซึ่งฮอนด้ามีการจัดสอนทั้งทางเรียบและทางฝุ่นโมโตครอส ผู้ที่จบการอบรมเรซซิ่งสคูล และต้องการแข่งขันพิสูจน์ฝีมือ ก็สามารถลงแข่งขันในกลุ่มมือใหม่ด้วยกันในการแข่งขันฮอนด้าวันเมคเรซ ซึ่งฮอนด้าได้จัดขึ้นทั้งที่สนามแข่งไทยแลนด์เซอร์กิต และที่สนามต่างจังหวัด รวมประมาณ 20 สนามต่อปี นักแข่งที่ฉายแววทั้งในกรุงเทพฯและภูธร จะได้รับคัดเลือกให้เป็นนักแข่งในสังกัดทีมแข่งต่างๆที่ฮอนด้าสนับสนุน ซึ่งมีโอกาสพิสูจน์ฝีมือในรายการชิงแชมป์ประเทศไทย ส่วนนักแข่งที่มีฝีมือโดดเด่นจะถูกบรรจุเข้าทีมแข่งของบริษัทฯ ซึ่งเปิดโอกาสให้ลงการแข่งขันในระดับนานาชาติ         คริสมาส วิไลโรจน์, อำนาจ - อำนวย สองพี่น้องตระกูลสังข์สุวรรณ, ดิเรก อาชาวงศ์, สุหทัย แช่มทรัพย์ ล้วนเป็นนักแข่งฮอนด้าที่เป็นแชมป์ระดับประเทศ และได้ชัยชนะในต่างประเทศจนเป็นแชมป์ระดับอาเซียน ที่สร้างชื่อเสียง สร้างเกียรติประวัติให้แก่ตนเองและวงการแข่งรถจักรยานยนต์ในบ้านเรา         รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ เป็นทายาทคนโตของ คริสมาส วิไลโรจน์ แชมป์ทางเรียบผู้โด่งดังเจ้าของแชมป์ประเทศไทย แชมป์อาเซียน และมาเก๊ากรังปรีซ์หลายสมัย         รัฐภาคย์ เติบโตและคลุกคลีในวงการแข่งขันตั้งแต่เด็ก เมื่ออายุ 8 ขวบได้เข้ารับการอบรมในหลักสูตรฮอนด้าเรซซิ่งสคูล โปรแกรมที่ฮอนด้าจัดขึ้นโดยให้นักแข่งสังกัดทีมแข่งบริษัทเป็นครูฝึกสอนให้แก่นักแข่งมือใหม่ จากนั้นรัฐภาคย์ได้ลงการแข่งขันฮอนด้าวันเมคเรซ ด้วยการฝึกฝนอย่างเข้มงวดของคริสมาสผู้ที่เป็นบิดาในฐานะผู้จัดการทีมแข่ง ประกอบกับไหวพริบและลีลาการขับขี่ที่เฉียบคมได้สร้างความเป็นอัจฉริยะให้แก่รัฐภาคย์ โดยสามารถคว้าแชมป์วันเมคเรซมาครองได้ตั้งแต่อายุเพียง 11 ปีเท่านั้น         ชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่าในการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย ได้หล่อหลอมความแข็งแกร่งให้รัฐภาคย์มาอย่างสมบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2546 และ 2547 ที่ผ่านมา นอกจากการแข่งขันทั่วไปในไทยแล้ว ฮอนด้าได้ส่งรัฐภาคย์ไปเรียนรู้ประสบการณ์การแข่งขันชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่นในรุ่น 125 ซีซี. ปีละ 3 สนาม ด้วยเหตุที่ประเทศญี่ปุ่นถือว่ามีมาตรฐานการแข่งขันสูงสุดในเอเชีย เทียบเท่ากับการแข่งขันระดับโลก         ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ฮอนด้าได้ส่งรัฐภาคย์ลงการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่นอย่างจริงจัง โดยเลื่อนขั้นมาแข่งขันในรุ่น 250 ซีซี.อย่างเต็มฤดูกาล ผลการแข่งขันในปีแรกรัฐภาคย์ได้คะแนนสะสมลำดับที่ 7 และในปี 2006 ฮอนด้าได้ส่งรัฐภาคย์ลงแข่งในรายการชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้งในรุ่น 250 ซีซี. ผลปรากฎว่ารัฐภาคย์ได้คะแนนสะสมสูงสุด เป็นอันดับที่ 2 ตลอดระยะที่ลงการแข่งขัน รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ได้รับการกล่าวขวัญและเป็นที่ชื่นชมจากสื่อมวลชนและวงการแข่งในประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก         รัฐภาคย์ ไม่ได้สร้างเฉพาะผลงานในสนามแข่งเพียงอย่างเดียว การสร้างชื่อเสียงจากการลงแข่งขันในต่างประเทศของรัฐภาคย์ ได้สร้างคุณประโยชน์ให้แก่วงการกีฬาบ้านเรา โดยได้เชื่อมให้สายสัมพันธ์ระหว่างสมาคมแข่งรถจักรยานยนต์ประเทศญี่ปุ่น MFJ และสมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์ไทย FMSCT มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยนอกจากการแลกเปลี่ยนนักแข่งไปลงแข่งซึ่งกันเป็นครั้งคราวทั้งทางเรียบและทางฝุ่นแล้ว สมาคมแข่งรถญี่ปุ่นยังอนุญาตให้นักแข่งไทยสามารถใช้ใบอนุญาตของสมาคมแข่งรถญี่ปุ่น เพื่อเปิดโอกาสให้นักแข่งต่างชาติเข้าร่วมการแข่งขันในประเทศญี่ปุ่นได้สะดวกมากยิ่งขึ้น         ความร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ชาติต่างๆในภูมิภาคนี้ สามารถแลกเปลี่ยนนักแข่งลงการแข่งซึ่งกันและกัน เพื่อพัฒนานักแข่งในภูมิภาคนี้ให้สู่สนามโลก สำหรับภายในประเทศ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือกให้เป็นนักกีฬายอดเยี่ยมของปี 2006 ที่สำคัญที่สุด...การกีฬาแห่งประเทศไทย องค์กรภาครัฐที่มีหน้าที่ส่งเสริมกีฬาของชาติได้กรุณาเป็นผู้ประสานให้รัฐภาคย์ในฐานะนักกีฬาอาชีพที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ ได้รับการศึกษาขั้นอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต (RBAC) เพื่อเป็นกำลังใจและเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับนักกีฬาเยาวชนที่ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติอีกด้วย         กลางเดือนกันยายน ปี 2006 ที่ผ่านมา รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักแข่งผู้มีผลงานในรายการชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่นได้รับการคัดเลือกจากสมาคมแข่งรถจักรยานยนต์ MFJ ให้เป็นนักแข่งรับเชิญ (WILD CARD) เป็นตัวแทนนักแข่งญี่ปุ่นเข้าร่วมการแข่งขัน WORLD CHAMPIONSHIP สนามที่ 15 ที่สนาม ทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น การลงแข่งครั้งแรกในสนามโลก รัฐภาคย์ได้ทำสิ่งที่เกินความคาดหมายของทุกคน ด้วยการจบการแข่งขันในตำแหน่งที่ 10 จากนักแข่งทั้งหมด 32 คน ทำให้รัฐภาคย์ได้รับคะแนนสะสม 6 คะแนน และถูกบันทึกสถิติในประวัติการแข่งขันโลก การถูกจารึกชื่อและคะแนนสะสมใน FIM องค์กรดูแลการแข่งขันทั่วโลก ถือเป็นเกียรติยศของนักแข่ง และประเทศชาติสังกัดของนักแข่ง ที่เป็นความใฝ่ฝันอันทรงเกียรติของนักแข่งทุกคนทั่วโลก ในประเทศไทยยังไม่มีผู้ใดทำได้ แม้แต่คริสมาส วิไลโรจน์ ผู้เป็นพ่อ หรือแชมป์รุ่นพี่อื่นๆที่ฝึกสอนรัฐภาคย์         นักแข่งไทยวัย 19 ปีผู้นี้ได้ทำวงการแข่งขันโลกและสื่อมวลชนทั่วโลกหันมามอง และกล่าวขวัญพร้อมชื่นชมในความสามารถของนักแข่งไทย หนึ่งในนั้น คือ ทีม STOP AND GO ทีมแข่งจากประเทศสเปน ที่ปัจจุบันส่งนักแข่งชาวอาร์เจนตินา มร. ฟาบริซิโอ เพอเรน (Mr.Fabricio Perren) ลงแข่งขัน WORLD CHAMPIONSHIP รุ่น 250 ซีซี.         เจ้าของทีม Stop and Go มร.เอดูอาร์โด คือ หนึ่งในอดีตทีมงานช่างที่ผลักดันให้ Sito Pons. เป็นแชมป์โลกรุ่น 250 ซีซี. ในอดีต มร.เอดูอาร์โด ใฝ่ฝันที่จะปั้นนักแข่งดาวรุ่งสู่โพเดียมบัลลังค์อันทรงเกียรติ เขาหมายตาและเฝ้าดูลีลาการขับขี่ของรัฐภาคย์ในช่วงลงแข่งขันสนามโลกที่ประเทศญี่ปุ่น เขาเชื่อว่ารัฐภาคย์มีศักยภาพเพียงพอที่จะร่วมทางกับเขาสู่บัลลังค์โลก         นอกจากนั้น เขายังหวังอีกว่าการสนับสนุนนักแข่งไทยสู่สนามโลก จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสเปนกับไทย และยังเป็นการช่วยยกระดับนักแข่งในภูมิภาคนี้สู่สนามโลก ด้วยการประสานงานของ HRC หรือ ฮอนด้า เรซซิ่ง คอเปอเรชั่น บริษัททีมแข่งฮอนด้า เมื่อปลายเดือนตุลาคม ทีมแข่ง STOP AND GO และ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ตกลงร่วมกันส่งนักแข่งรัฐภาค วิไลโรจน์ นักแข่งขวัญใจชาวไทยลงแข่งขัน WORLD CHAMPIONSHIP รุ่น 250 ซีซี. เต็มฤดูกาลใน ปี 2007         รัฐภาคย์ ขวัญใจชาวไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจากคนในชาติเช่นกัน โดยเฉพาะภาคธุรกิจชั้นนำของประเทศมาเป็นผู้สนับสนุน คือ บริษัท ปตท.จำกัด มหาชน บริษัทพลังงานแห่งชาติ และ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สายการบินแห่งชาติ โดยเฉพาะบริษัทพลังงานแห่งชาติไทย ปตท. ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักได้อนุญาติให้ใช้ลายสีสัญลักษณ์ "เปลวไฟโชติช่วงชัชวาลย์" ในรถแข่ง และชุดหนังของรัฐภาคย์ในการลงแข่งขันในครั้งนี้         เส้นทางของรัฐภาคย์สู่สนามโลกเป็นการเปิดศักราชหน้าใหม่ให้แก่วงการแข่งขันรถจักรยานยนต์ไทย บนแส้นทางนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าขาดการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ฮอนด้า ทีมแข่ง STOP AND GO และรัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ขอขอบคุณ การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย FMSCT ตัวแทน FIM ในประเทศไทย แรงสนับสนุนจากบริษัทพลังงานแห่งชาติ ปตท. และสายการบินแห่งชาติ การบินไทย และหลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อมวลชนที่ให้การสนับสนุน เราเชื่อว่า รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ หรือเจ้าฟิลม์ ในนาม ทีมแข่งไทย-ฮอนด้า-พีทีที-แสค (SAG) จะสร้างเส้นทางใหม่ให้แก่นักแข่งไทย เอาธงไตรรงค์ของเราไปโบกสบัดในสนามโลก ประกาศศักยภาพและสร้างประวัติของเราชาวไทย

รถแข่งที่ใช้ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โดย รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ รุ่น Honda RS 250 RW ปี 2007
รถแข่งฮอนด้าคันล่าสุด ที่จะได้ไปโชว์ลีลาในสนามแข่ง "เวิร์ลกรังปรีซ์" ในปี 2007 โดยจะผสานเข้ากับฝีมืออันร้ายกาจของ"รัฐภาค วิไลโรจน์" ดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย ร่วมกันสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งยิ่งใหญ่ของนักแข่งไทยในสนามแข่งโลก

กำหนดการถ่ายทอดสดทางช่อง ESPN ทรูวิชั่น(ยูบีซี) 65 สนามที่ สนาม/ประเทศ วันที่ เวลา (รุ่น 250 ซีซี) 1. โลเซล/กาตาร์ เสาร์ 10 มี.ค. 17.15 น. สงวนลิขสิทธิ์ © 2022 ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจริญมอเตอร์(วิเชียรบุรี) www.jrmotor.com ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจริญมอเตอร์(วิเชียรบุรี) สำนักงานใหญ่ เลขที่ 16 หมู่ที่ 3 ตำบลท่าโรง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ 67130 โทรศัพท์ 056-754455 โทรสาร 056-754466 มือถือ 086-4501732 , 061-8303132 E-mail : jrmotor@gmail.com วันเวลาทำการ จันทร์ - เสาร์ เวลา 8.00 น. - 17.00 น. เงื่อนไขการใช้บริการ I รับเรื่องร้องเรียน I นโยบายความเป็นส่วนตัว