ที่กรมศิลปากร เมื่อบ่ายวันที่ 17 ม.ค. นายอารักษ์ สังหิตกุล อธิบดีกรมศิลปากร แถลงข่าวตราสัญลักษณ์และการประดับธงกับตราสัญลักษณ์ พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธ.ค. 2550 ว่า กรมศิลปากรได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการอำนวยการในการจัดงานพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาฯ ให้ดำเนินการออกแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลฯ ซึ่งกรมศิลปากรได้มอบหมายให้คณะช่าง จากสำนักงานช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร 5 คน ประกอบด้วย นายสุเมธ พุฒพวง นักวิชาการช่างศิลป์ 7 ว. นายสมชาย ศุภลักษณ์อำไพพร นายช่างศิลปกรรม 5 นายณัฐพงค์ ปิยมาภรณ์ นักวิชาการช่างศิลป์ 6 ว. นายอัครพล คล่องบัญชี จิตรกร 5 และนายเจริญ ฮั่นเจริญ จิตรกร 5 ออกแบบตราสัญลักษณ์คนละ 3 แบบ รวม 12 แบบ แล้วรวบรวมแบบตราสัญลักษณ์ทั้ง 12 แบบ เสนอผ่านสำนักนายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงพระราชวินิจฉัยกลับมา
นายอารักษ์กล่าวต่อว่า ต่อมากรมศิลปากรได้รับรายงานกลับมาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแบบที่ 12 ซึ่งเป็นผลงานออกแบบของนายสุเมธ พุฒพวง หลังจากขึ้นนำทูลเกล้าฯถวาย ทรงมีพระราชวินิจฉัย เรื่องลายเส้นที่ผิด ช่องไฟผิด ซึ่งศิลปินได้น้อมรับและนำกลับมาดำเนินการแก้ไข ซึ่งพระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านศิลปกรรมสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นมุมมองของเส้นสายฉัตรต่างๆ มีความกลมกลืน เหมาะสมกับความเป็นจริงรวมทั้งช่องไฟของส่วนประกอบ ในตราสัญลักษณ์ต้องมีความกลมกลืนกันทั้งหมด หลังจากได้มีการปรับแก้ 3 ครั้งจึงแล้วเสร็จ และโปรดเกล้าฯให้ใช้เป็นตราสัญลักษณ์ ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ตนรู้สึกดีใจมากและกล่าวกับนายสุเมธว่า ขอให้ทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ที่ได้มีโอกาสถวายงานพระองค์ท่าน ส่วนความหมายของตราสัญลักษณ์นั้น สำนักราชเลขาธิการจะดำเนินการเผยแพร่เป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้งหนึ่ง
อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวต่อว่า สำหรับข้อปฏิบัติ การขอใช้ตราสัญลักษณ์และการประดับธงกับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา มีดังนี้ 1. กรณีที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป มีความประสงค์นำตราสัญลักษณ์ไปใช้ในการจัดทำสิ่งของใดๆก็ตาม ให้แจ้งสำนักราชเลขาธิการ เพื่อพิจารณาคำขออนุญาต 2. โครงการและกิจกรรมที่ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบ เป็นโครงการและกิจกรรมร่วมเฉลิมพระเกียรติฯ จากคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯแล้ว สามารถนำตราสัญลักษณ์ไปใช้ในโครงการและกิจกรรมได้เลย โดยให้แจ้งสำนักราชเลขาธิการทราบ เพื่อรวบรวมบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ ยกเว้นโครงการและกิจกรรมที่ดำเนินการเพื่อก่อให้เกิดรายได้ จะต้องได้รับการพิจารณาจากสำนักราชเลขาธิการก่อน 3. ให้ประดับธงชาติไทยคู่กับธงผืนผ้าสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์บนผืนผ้า และประดับตราสัญลักษณ์ตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ของหน่วยงาน เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี โดยไม่ต้องขออนุญาตจากสำนักราชเลขาธิการ ทั้งนี้ ให้ประดับในระยะเวลาของการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550
หลังจากนี้กรมศิลปากรจะนำต้นแบบตราสัญลักษณ์ ไปจัดพิมพ์ให้รัฐบาลแจกจ่ายตามหน่วยงานรัฐและเอกชนเผยแพร่ อย่างไรก็ตาม เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานตราสัญลักษณ์ในโอกาสสำคัญนี้ หากมีกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ ขอให้นำตราสัญลักษณ์นี้ไปใช้เท่านั้น ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีบรรดาพ่อค้าประชาชนส่วนหนึ่ง ทำตราสัญลักษณ์ขึ้นมาเพื่อนำมาใช้ในกิจการต่างๆนั้น คิดว่าคงไม่มีเจตนาอย่างอื่น จึงขอความร่วมมือให้นำตราสัญลักษณ์ ที่ถูกต้องนี้นำไปใช้ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลอย่างพร้อมเพรียงโดยทั่วกัน นายอารักษ์กล่าว
ด้านนายสุเมธ พุฒพวง นักวิชาการช่างศิลป์ 7 กลุ่มงานศิลปประยุกต์ กรมศิลปากร กล่าวว่า หลังจากได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมศิลปากร ให้เป็นคณะช่างออกแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธ.ค. 2550 ได้ออกแบบตราสัญลักษณ์ฯแบบที่ 12 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชวินิจฉัยให้แก้ไขปรับปรุงบางส่วน และทรง มีพระบรมราชานุญาตพระราชทานแบบตราสัญลักษณ์นี้ใช้ในงานพระราชพิธีฯ โดยองค์ประกอบของตราสัญลักษณ์ ประกอบด้วย 1. พระราชลัญจกร รัชกาลที่ 9 ซึ่งแทนองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 2. พระมหาพิชัยมงกุฎ อยู่ด้านบน โดยด้านหลังเป็นพระนพปฏลมหาเศวตฉัตร รวมทั้งพระเศวตฉัตร 7 ชั้นขนาบคู่ทั้ง 2 ด้าน ที่แสดงถึงเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ 3. เลขไทย ๘๐ เพชร 80 เม็ด อันเป็นปีที่เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา 4. แพรแถบสีชมพู ที่บอกชื่อตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งการที่ตนเลือกใช้สีชมพู เพราะเป็นสีที่ตรงกับหลักโหราศาสตร์ ทักษาพยากรณ์ ซึ่งถือเป็นสีที่เป็นอายุของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชสมภพในวันจันทร์ โดยเลือกใช้สีชมพูอ่อนเพื่อให้พื้นสีของตราพระราชลัญจกรโดดเด่น และ 5. พระที่นั่งอัฐทิสอุทุมพรราชอาสน์ เป็นพระที่นั่งที่มีความสำคัญ เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับพระที่นั่งดังกล่าวในพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก และเสด็จประทับให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพารถวายพระพรที่รัฐสภา ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชวินิจฉัยให้เขียนดอกพิกุลจำนวน 9 ดอกบริเวณแท่นแปดเหลี่ยมรองรับพระที่นั่งอัฐทิสอุทุมพรราชอาสน์
ผมรู้สึกปลาบปลื้มและดีใจที่สุดในชีวิต ที่มีโอกาสถวายงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นเกียรติประวัติที่สุดในชีวิตตลอดเวลา 23 ปี ที่รับราชการเป็นช่างของกรมศิลปากร โดยการออกแบบและปรับปรุงแก้ไข ใช้เวลาออกแบบประมาณ 4-5 เดือน ผมพยายามตั้งใจออกแบบอย่างสุดฝีมือ อีกทั้งผมยังเคยมีประสบการณ์การออกแบบตราสัญลักษณ์ ในงานเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และการออกแบบตราสัญลักษณ์งานเฉลิมฉลองครบ 200 ปี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มาแล้ว นายสุเมธกล่าว
ขอขอบคุณที่มา : http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=33841 |